1. แหล่งข้อมูลของประเทศไทยบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่มีคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ที่ติดตั้งอยู่ทั่วโลกเชื่อมโยงกันจำนวนมาก เครื่องแม่ข่ายแต่ละเครื่องมีข้อมูลข่าวสารบางอย่างบางประเภทบรรจุอยู่ เช่น ถ้าเป็นเครื่องแม่ข่ายของบริษัทผลิตรถยนต์ ก็จะมีข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของบริษัทนั้นข้อมูลเกี่ยวกับการรับบริการต่างๆ จากบริษัท และอาจมีข้อมูลประเภทความรู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของยานยนต์ เทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับยานยนต์ มลพิษจากไอเสียของรถยนต์และวิธีบำบัดป้องกัน วิธีการขับรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น หากเป็นเครื่องแม่ข่ายของบริษัทของบริษัทท่องเที่ยว ก็จะมีข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง ข้อมูลเกี่ยวกับการขออนุญาตเข้าประเทศต่างๆ เพื่อการท่องเที่ยว ตลอดจนเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและภาษา ของประเทศนั้นๆ เป็นต้น ปัจจุบันนี้ ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้อยู่ในรูปแบบของเอกสาร ที่มีการเชื่องโยงกันภายใต้มาตรฐาน World Wide Web (หรือ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า http Hypertext Transfer Protocol) เราเรียกแหล่งข้อมูล แต่ละแห่งเหล่านี้ ว่า เป็น เว็บไซต์ (Web Site) ซึ่งแปลว่าแหล่งข้อมูลในระบบ World Wide Web นั่นเอง
- การค้นข้อมูล
การนำความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาหาความรู้ ได้แก่ การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยการใช้งานอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการศึกษานี้จะสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ระดับดังนี้
1. การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
2. การนำข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน
3. การสร้างแหล่งข้อมูลด้วยตนเอง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นเครือข่ายประเภทต่างๆที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บและแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรง
เว็บไซต์การศึกษาในประเทศไทย มีจำนวนมากทั้งของสถานบันอุดมศึกษา และของโรงเรียนต่างๆ เว็บไซต์ที่อาจถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์ชุมทางประเภทการศึกษา ได้แก่
- เว็บไซต์โครงการ SchoolInet @ 1509 (http://www.school.net.th) เป็นเว็บไซต์ชุมทางสำหรับเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นสมาชิกโครงการ SchoolINet และที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา
- เว็บไซต์ LearnOnline (http://www.learn.in.th) ของสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (Thailand Graduate I nstitute of Science and Technology TGIST) เป็นเว็บไซต์สำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เน้นสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในทุกระดับการศึกษา และมีทำเนียบเชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์อื่น ที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน
แผนภาพที่ 7.1 แสดงเว็บไซต์ prathai 3G
เว็บไซต์การศึกษาในประเทศไทย มีจำนวนมากทั้งของสถานบันอุดมศึกษา และของโรงเรียนต่างๆ เว็บไซต์ที่อาจถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์ชุมทางประเภทการศึกษา ได้แก่
- เว็บไซต์โครงการ SchoolInet @ 1509 (http://www.school.net.th) เป็นเว็บไซต์ชุมทางสำหรับเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นสมาชิกโครงการ SchoolINet และที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา
- เว็บไซต์ LearnOnline (http://www.learn.in.th) ของสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (Thailand Graduate I nstitute of Science and Technology TGIST) เป็นเว็บไซต์สำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เน้นสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในทุกระดับการศึกษา และมีทำเนียบเชื่อมโยงไปสู่เว็บไซต์อื่น ที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน
แผนภาพที่ 7.2 แสดงของเว็บไซต์การศึกษา OTPC
- เว็บไซต์ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. (http://www.nstda.or.th) เป็นเว็บไซต์หลักสำหรับสารสนเทศ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีการเชื่อมโยง ไปยังเว็บไซต์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น เว็บไซต์ของศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ทั้งสาม ได้แก่ http://www.nectec.or.th http://www.mtec.or.th http://www.biotec.or.th และ เว็บไซต์ของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แผนภาพที่ 7.3 แสดงเว็บไซต์กระทรวงวิทยาศาสตร์
เว็บไซต์ประเภทนี้กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เว็บไซต์ชุมทางของประเภทนี้ ได้แก่ http://www.thaitambon.com ซึ่งเป็นที่รวบรวมเว็บไซต์ของตำบลต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อสนับสนุนโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์นอกจากนี้จังหวัดใหญ่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็มักจะมีเว็บไซต์ของจังหวัด และสถานบันการศึกษาทั้งระดับอุดมศึกษาและระดับโรงเรียน ก็มักจะบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับท้องถิ่นไว้ในเว็บไซต์ของสถานบันด้วย
แผนภาพที่ 7.4 แสดงเว็บไซต์ งานหัตกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
3. การใช้งาน Google
ปัจจุบันการใช้งาน Internet จะปรากฏ Web Site ให้เราสามารถเยี่ยมชมได้มากมายหลายประเภท และได้มีการบรรจุข้อมูลข่าวสารอยู่ใน Web Site ต่าง ๆ ซึ่งถ้าเราต้องการค้นหาข้อมูลที่อยู่ในระบบ Internet1 เราอาจใช้อุปกรณ์ Tools ที่เรียกว่า ตัวค้นหา (Search Engire) โดยตัวค้นหา (Search Engire) นี้จะถูกบรรจุอยู่ใน Web Site ต่าง ๆ เช่น www.google.com ,www.yahoo.com, www.lycos.com ในเอกสารนี้จะแนะนำถึงการใช้งานค้นหา (Search Engire) ของ www.google.com ซึ่งจำเป็นตัวค้นหา (Search Engire) ที่นิยมใช้มากสุดและมีฐานข้อมูล (data base) ของ Web Site ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีรูปแบบที่มีคำอธิบายการใช้งานเป็นภาษาไทยที่ Web Site www.google.co.th
เมื่อเราพิมพ์ที่อยู่ www.google.co.th ลงในช่อง Addres แล้วกด Enter จะปรากฏหน้าแรกของ Web Site ซึ่งจะมีส่วนประกอบต่าง ๆ ดังรูป
แผนภาพที่ 7.5 แสดงการใช้ Google
โดยที่มีส่วนประกอบต่างๆ คือ
1) เป็น Logo ของ www.google.co.th
2) เป็นประเภทของการค้นหาว่าให้ค้นหาข้อมูลที่อยู่ในเว็บ(Web Site)
3) เป็นประเภทของการค้นหาว่าให้ค้นหา ข้อมูลที่เป็นรูปภาพ
4) เป็นประเภทของการค้นหาที่แยกตามกลุ่มข่าวเรียงตาม Usenet
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเรียกย่อๆ ว่า E - Mail เป็นวิธีการติดต่อสื่อสารกันบน Internet ที่เป็นมาตรฐาน และเก่าแก่ที่สุด โดยที่สามารถจะส่งเอกสารที่เป็นข้อความธรรมดา จนถึงการส่งเอกสาร แบบมัลติมิเดีย มีทั้งภาพและเสียง ไปรอบโลก ในการให้บริการแบบนี้ ผู้ที่ต้องการส่ง และรับจดหมาย อีเล็กทรอนิกส์ จะต้องมีบัญชีการใช้บริการที่แน่นอน ซึ่งเรียกว่า E-Mail Address คล้ายๆ กับชื่อ-นามสกุล และที่อยู่นั่นเอง
สามารถแบ่งการใช้อีเมล์ตามลักษณะของการให้บริการได้กว้างๆ 3 ลักษณะคือ
• อีเมล์สำนักงาน – เป็นบัญชีการใช้บริการรับ/ส่งอีเมล์ที่หน่วยงาน หรือสำนักงานของผู้ใช้เป็นผู้จัดทำและให้บริการ มีจุดเด่นคือ บ่งชี้ถึงหน่วยงานสังกัดของผู้ใช้ เช่น อีเมล์ของบุคลากรในเนคเทค จะอยู่ในรูปของ ชื่อบุคคล @nectec.or.th ทำให้ทราบได้ทันทีว่าบุคคลนั้นๆ อยู่ในหน่วยงานใด
• อีเมล์โดย ISP – ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายท่าน คงไม่มีอีเมล์ที่จัดให้บริการโดยสำนักงาน เนื่องจากความไม่พร้อมของสำนักงานหรือหน่วยงานที่ต้นสังกัด ทางเลือกที่น่าสนใจก็คือ เมื่อผู้ใช้สมัครเป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ตจาก ISP ส่วนมาก ISP ก็จะให้บริการอีเมล์ด้วยเสมอ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถมีอีเมล์ที่ให้บริการโดย ISP เพื่อใช้งานได้เช่นกัน
อีเมล์ที่ให้บริการฟรีทั่วไป – หน่วยงานหรือเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ ให้บริการบัญชีอีเมล์ฟรีสำหรับผู้สนใจทั่วไป ดังนั้นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนมาก จึงเลือกใช้อีเมล์ลักษณะนี้ เนื่องจากสมัครได้ง่าย ฟรี และใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา
5. กระดาษข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (Web Forum)
6. ห้องสมุด แหล่งข้อมูลความรู้
บัตรรายการสำหรับหนังสือแต่ละเล่มหรือเอกสารแต่ละชิ้นนั้น จะระบุหมู่เลขรหัส ชื่อหัวเรื่อง (ชื่อหนังสือหรือเอกสาร) ชื่อผู้แต่ง ชื่อสำนักพิมพ์ ปี ค.ศ. หรือ พ.ศ. ที่พิมพ์ และชื่อเมืองที่พิมพ์ และมักจะมีสาระสังเขปเป็นคำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับเนื้อหาที่บรรจุด้วย นอกจากนี้จะมีข้อความหรือรหัสที่ระบุว่าหนังสือหรือเอกสารนั้นๆ ถูกจัดเก็บอยู่ที่บริเวณใดในห้องสมุดนั้นบัตรรายการต่างๆ จะถูกนำมาเรียงลำดับอักษร ตามชื่อหัวเรื่องชุดหนึ่ง แยกไว้ในตู้บัตรรายการ คนละตู้กัน ส่วนหนังสือและเอกสารต่างๆ จะถูกจัดเก็บบนชั้นหนังสือ โดยเรียงลำดับตามหมู่เลขรหัส
แผนภาพที่ 7.6 แสดงตารางหลักการกำหนดหมู่เลขรหัสในระบบ Dewy Decimal System
ระบบ LC System จัดหมวดหมู่สิ่งพิมพ์ในห้องสมุด โดยแบ่งประเภทตามสาขาความรู้ 21 สาขาและใช้อักษร A – Z (ยกเว้น I, O, W, X และ Y) แทนแต่ละสาขา นอกจากนั้นยังมีการจัดแบ่งเป็นสาขาย่อยโดยใช้อักษรอีก 1 – 2 ตัว และตัวเลขอีกจำนวนหนึ่งแทนสาขาย่อยนั้นๆ อักษรที่แทนสาขาหลักมีความหมาย ดังต่อไปนี้
แผนภาพที่ 7.7 แสดงตารางหลักการกำหนดหมู่เลขรหัสในระบบ LC System
7. Digital Library ห้องสมุดบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
8.การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
Keyword Index : การค้นหาข้อมูลรูปแบบนี้ จะมีการสำรวจเว็บเพจและอ่านข้อความ ข้อมูล รวมทั้งโครงสร้างภาษาโปรแกรม HTML ซึ่งอยู่ในTAG alt ร่วมด้วย อย่างน้อยประมาณ 200-300 ตัวอักษร วิธีการค้นหาข้อมูลแบบนี้จะเน้นการเรียงลำดับข้อมูลก่อน-หลังเป็นสำคัญ รวมถึงความถี่ในการนำเสนอข้อมูลหรือการที่เว็บเพจถูกเปิดขึ้นมา ซึ่งเป็นการค้นหาที่มีความรวดเร็วมาก แต่ความละเอียดในการจัดแยกหมวดหมู่ของข้อมูลค่อนข้างน้อยเพราะไม่ได้คำนึงถึงรายละเอียดของเนื้อหาเท่าที่ควร
Subject Directories : มีการวิเคราะห์รายละเอียด เนื้อหาของแต่ละเว็บเพจ ด้วยการให้คนเป็นผู้พิจารณา การจัดแบ่งหมวดหมู่จึงขึ้นกับวิจารณญาณของคนที่ทำการจัดเก็บข้อมูล ทำให้การค้นหาค่อนข้างตรงตามความต้องการของผู้ใช้ และมีถูกต้องในการค้นหามากกว่า เช่น หากเราต้องการค้นหาข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ Search Engine ชนิดนี้ก็จะประมวลผลรายชื่อเว็บไซต์ หรือเว็บเพจเฉพาะที่เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้
Metasearch Engines : เป็นการสืบค้นแบบเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่น ทั้งยังมีความหลากหลายของข้อมูล เป็นการค้นหาที่ไม่คำนึงถึงขนาดของตัวอักษร และอาจจะมองข้ามข้อความประเภท Natural Language (ภาษาพูด)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น